ปัจจุบันมีการนำ AI มาปรับใช้ในการทำงานมากขึ้น เพราะมีความสะดวกรวดเร็ว ทำให้ได้ไอเดียใหม่ ๆ มาต่อยอดในการทำงาน อีกทั้งยังให้ข้อมูลที่มีความถูกต้อง และมีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่ง AI ที่ใช้ในปัจจุบันก็มีด้วยกันหลากหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT Meena Copilot และ AI น้องใหม่ Gemini ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2567 ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาจาก Google Bard แต่จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง Loxley Orbit ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาให้อ่านกันแล้ว ไปดูกันเลย
ทำความรู้จักกับ Gemini AI น้องใหม่จาก Google
Gemini เป็น AI Google น้องใหม่ที่เดิมทีใช้ชื่อว่า Google Bard ที่สามารถใช้งาน Generative AI ที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้น อีกทั้งยังสามารถตอบคำถามได้อย่างครบถ้วน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญ Gemini เป็น AI โมเดลภาษาขนาดใหญ่ ที่รองรับคำสั่งที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น การเขียนโค้ด การเขียนโดยใช้เหตุผล การวิเคราะห์ข้อมูล และงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์
Gemini มีทั้งหมดกี่ขนาด แต่ละขนาดต่างกันอย่างไร
Gemini เป็น AI Google ที่ทำงานด้วยระบบ Large Language Model (LLM) ที่ออกแบบให้สามารถทำงานที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้น ซึ่ง Gemini นั้นมีด้วยกันทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้
Gemini Nano
Gemini Nano เป็นโมเดล AI Google ที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดา Gemini ประเภทอื่น ๆ ด้วยการออกแบบที่เน้นการใช้ทรัพยากรที่น้อย ทำให้เหมาะกับการทำงานบนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ที่มีประสิทธิภาพปานกลาง ใช้งานในชีวิตประจำวันง่าย ๆ อย่างการตอบคำถาม ช่วยสรุปการประชุม หรือการตอบกลับข้อความอัตโนมัติ
Gemini Pro
Gemini Pro เป็นโมเดลขนาดปานกลาง จึงสามารถทำงานได้หลากหลายมากกว่า Gemini Nano เหมาะสำหรับการทำงานในชีวิตประจำวัน เช่น การเขียนบทความ แต่งเพลง ตอบคำถามได้ละเอียด และให้ข้อมูลที่มีความครอบคลุมมากกว่า นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานได้ทั้งบนคลาวด์และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพในระดับปานกลางขึ้นไป
Gemini Ultra
สำหรับขนาดสุดท้าย คือ Gemini Ultra เป็นโมเดลที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด จึงสามารถทำงานที่มีความซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ ที่สำคัญสามารถประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างละเอียด จึงต้องใช้งานกับคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับการทำงานให้มีความราบรื่น อีกทั้งยังสามารถทำงานได้หลากหลาย ตั้งแต่การตอบคำถาม สรุปใจความสำคัญ การทำวิจัย ไปจนถึงใช้ในการเขียนโค้ดด้วย
ตารางเปรียบเทียบขนาดของ Gemini
ขนาด | ประสิทธิภาพ | พารามิเตอร์ | อุปกรณ์ | การใช้งาน |
Gemini Nano | ดี | 12B | อุปกรณ์พกพา สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต | ใช้สำหรับการตอบคำถามทั่วไป แปลภาษา และสรุปการประชุม |
Gemini Pro | ปานกลาง | 137B | อุปกรณ์พกพา และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์คุณภาพปานกลาง | นิยมใช้ในงานทั่วไป แต่ให้คำตอบที่มีความละเอียดมากกว่า และสามารถทำงานได้หลากหลายขึ้น |
Gemini Ultra | สูงสุด | 1.56T | เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีระบบประมวลผลสูง | สามารถใช้กับงานที่มีความซัอบซ้อน และงานที่ต้องวิเคราะห์ประมวลผลด้วยเหตุผล เช่น งานวิจัย การเขียนโค้ด และใช้ในเชิงพาณิชย์ |
คุณสมบัติของ Gemini ที่น่าใช้งาน
Gemini เป็น Google AI ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาจาก Google Bard และได้มีการพัฒนาต่อยอดให้สามารถทำงานได้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งนอกจากจากช่วยในการ Generative AI ในฟังก์ชันปกติ เช่นการตอบคำถาม การเขียนบทความแล้ว Gemini ยังเป็น AI ที่พัฒนาให้สามารถตอบคำถามที่มีความซับซ้อนได้ มีการดึงข้อมูลมาวิเคราะห์และประมวลผลอย่างละเอียด ช่วยให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง ครอบคลุม นอกจากนี้ยังสามารเขียนโค้ด รวมถึงวิเคราะห์แนวโน้มต่าง ๆ ได้อีกด้วย ที่สำคัญมีการแบ่งประเภทของ Gemini ออกเป็น 3 ขนาด เพื่อรองรับการทำงานที่มีความแตกต่างกัน พร้อมทั้งขยายการทำงานไปบนสมาร์ทโฟน ซึ่งช่วยให้มีความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น
AI ตัวอื่น ๆ ของ Google ที่มีความน่าสนใจ
ในปัจจุบัน AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น ทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน และการทำงาน ซึ่ง Google ก็ได้มีการพัฒนา AI ที่มีความทันสมัยมากขึ้น ไปดูกันว่า AI Google มีอะไรน่าสนใจบ้าง
Magic Editor เป็น AI บน Google Photo ที่ช่วยให้เราสามารถตกแต่งภาพได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลบวัตถุ หรือการย้ายวัตถุ รวมถึงการแต่งภาพให้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น
Google Maps With Immersive View เป็นการเพิ่มฟีเจอร์ Immersive View ในแอปพลิเคชัน Google Map ช่วยให้แสดงเป็นภาพสามมิติ ที่สามารถเห็นสภาพแวดล้อมได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเลนส์จักรยาน ทางเท้า ที่จอดรถ ไปจนถึงสภาพอากาศในเวลานั้น ๆ
Gemini For Workspace เป็น AI ที่จะเข้ามาช่วยจัดการแอปพลิเคชัน Workspace ไม่ว่าจะเป็นการช่วยร่างอีเมลตอบงาน การสร้างรูปประกอบสไลด์ รวมถึงช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในการนำเสนอ
สรุปเกี่ยวกับ Gemini
Gemini เป็น AI Google ที่เดิมทีชื่อว่า Google Bard แต่ได้มีการต่อยอดให้สามารถทำงานที่มีความหลากหลายได้มากขึ้น ซึ่งเป็นระบบ Large Language Model (LLM) ที่สามารถทำงานที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้น อีกทั้งยังสามารถวิเคราะห์โดยใช้เหตุผลได้ด้วย จึงสามารถทำงานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเขียนบทความ สรุปการประชุม การเขียนโค้ด การใช้ในงานวิจัย รวมถึงสามารถนำมาปรับใช้กับงานเชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ Gemini ยังมีด้วยกันถึง 3 ขนาด เพื่อรองรับการใช้งานที่มีความแตกต่างกันได้อย่างลงตัว ถือเป็น AI ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานได้อย่าลงตัว สำหรับบริษัทไหนที่ต้องการนำ AI มาปรับใช้ในการทำงาน สามารถเข้ามาปรึกษาบริษัท Loxley Orbit ได้
ๆกกปป